จอห์น คาลวินอธิบายต้นกำเนิดของตำแหน่งบิชอป

เขียนโดย Karl Dahlfred.

509px Jean Calvin transparent backgroundในช่วงเวลาของการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) จอห์น คาลวิน (John Calvin) และผู้นำคนอื่น ๆ พยายามแก้ไขการผิดเพี้ยนของคริสตจักรโรมันคาทอลิก เช่น การใช้อำนาจผิดๆ ศาสนาศาสตร์ และกฎและประเพณีมากมายที่ถูกเพิ่มเข้ามาในคริสตจักรตั้งแต่สมัยพันธสัญญาใหม่ ผู้นำการปฏิรูปโปรเตสแตนต์ปราถนาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นโดยการกลับไปสู่ช่วงเวลาของคริสตจักรยุคแรก หนึ่งในประเพณีที่พัฒนาขึ้นตามกาลเวลาคือตำแหน่งบิชอป (bishop) คริสตจักรโรมันคาทอลิกอ้างว่าตำแหน่งบิชอปตามที่ปฏิบัติในยุคกลางนั้นเป็นสิ่งจำเป็นและได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นคริสตจักรคาทอลิกอ้างว่าอัครทูตเปโตรเป็นบิชอปคนแรกของกรุงโรมและดังนั้นเปโตรจึงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรก
 
ในหนังสือ "The Institutes of the Christian Religion" ของ จอห์น คาลวิน (John Calvin) เขาอธิบายว่าบิชอปในคริสตจักรยุคแรกไม่มีอำนาจและสถานะเช่นเดียวกับบิชอปโรมันคาทอลิกในยุคกลาง ตำแหน่งบิชอปถูกตั้งขึ้นเพื่อการจัดการข้อโต้แย้งและส่งเสริมการบริหารที่มีประสิทธิภาพ บิชอปในตอนแรกคล้ายกับผู้ดูแลและผู้ประสานงานมากกว่าผู้บังคับบัญชา ร่วมกับผู้ปกครองของคริสตจักร บิชอปเป็นผู้นำในหมู่เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่สามารถสั่งการพวกเขาทั้งหมดได้
 
ยังมีเรื่องราวอีกมากเกี่ยวกับต้นกำเนิดและการพัฒนาของตำแหน่งบิชอปและความหมายดั้งเดิมของคำที่มักจะแปลว่า "บิชอป" หรือ "ผู้ปกครอง" อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้ผมต้องการแค่แชร์ข้อความสั้นๆ ด้านล่างนี่ที่เขียนโดยจอห์น คาลวิน เพราะเขาอธิบายได้ดีถึงบทบาทและหน้าที่ของบิชอปในยุคคริสตจักรยุคแรกหลังจากสมัยของอัครทูต ข้อความด้านล่างนี้มาจากหนังสือ The Institutes ของคาลวิน เล่ม 4 บทที่ 4 ส่วนที่ 2 การแปลภาษาไทยขึ้นอยู่กับฉบับภาษาอังกฤษของ The Institutes ที่แปลจากภาษาละตินโดยฟอร์ด ลูอิส แบทเทิลส์ (Ford Lewis Battles)
 

ตำแหน่งของบิชอป

‘ทุกคนที่ได้รับหน้าที่สอน พวกเขาเรียกว่า “เพรสไบเตอร์” [หรือ ผู้ปกครอง] ในแต่ละเมืองเพรสไบเตอร์เหล่านี้จะเลือกหนึ่งคนในหมู่พวกเขาให้มีตำแหน่งพิเศษเรียกว่า “บิชอป” เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง (ตามปกติที่มักเกิดขึ้น) จากความเท่าเทียมกันในตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม บิชอปไม่ได้มีเกียรติและศักดิ์ศรีสูงกว่ามากจนมีอำนาจเหนือเพื่อนร่วมงานของเขา แต่หน้าที่เดียวกันกับที่กงสุลมีในสภา—เพื่อรายงานเรื่องธุรกิจ ขอความคิดเห็น เป็นประธานในการให้คำปรึกษา เตือนสติ และกระตุ้นให้เกิดการกระทำทั้งหมดด้วยอำนาจของเขา และดำเนินการตามที่ได้ตัดสินใจร่วมกัน—บิชอปปฏิบัติในที่ประชุมเพรสไบเตอร์

 

และคนสมัยโบราณเองก็ยอมรับว่านี่ถูกนำมาใช้โดยการตกลงของมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้องการของยุคสมัย “ดังนั้น เยโรม (Jerome) กล่าวในจดหมายถึงทิตัส (Titus) ว่า: “บิชอปและเพรสไบเตอร์เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เมื่อก่อน ด้วยการกระตุ้นของมาร ความขัดแย้งเกิดขึ้นในศาสนาและมีคนกล่าวในหมู่ประชาชนว่า 'ฉันเป็นของเปาโล ฉันเป็นของเซฟาส' [1 โครินธ์ 1:12; เทียบกับบทที่ 3:4] คริสตจักรถูกปกครองโดยการปรึกษาร่วมกันของพวกเพรสไบเตอร์” หลังจากนั้น เพื่อลบล้างเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้ง การกำกับดูแลทั้งหมดถูกมอบให้แก่คนหนึ่งคนเดียว ดังนั้นพวกเพรสไบเตอร์จึงรู้ว่า ตามธรรมเนียมของคริสตจักรพวกเขาต้องอยู่ภายใต้ผู้ที่เป็นประธาน เช่นเดียวกับพวกบิชอปที่รู้ว่าพวกเขาเหนือกว่าเพรสไบเตอร์เนื่องจากธรรมเนียมของคริสตจักร มากกว่าการจัดการของพระเจ้า และพวกบิชอปควรปกครองคริสตจักรร่วมกับพวกเพรสไบเตอร์ อย่างไรก็ตาม ในที่อื่นเยโรม (Jerome) บอกเราว่ามัน [คือระบบปกครองแบบนี่] เป็นการจัดการแบบโบราณ เยโรมกล่าวว่าในอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ตั้งแต่สมัยของมาระโกผู้ประกาศข่าวดีจนถึงเฮราคลาส (Heraclas) และดิโอนิซิอุส (Dionysius) พวกเพรสไบเตอร์จะเลือกหนึ่งในจำนวนของพวกเขาและตั้งเขาในตำแหน่งที่สูงกว่าเรียกว่า “บิชอป”

 

แต่ละเมืองจึงมีคณะเพรสไบเตอร์ซึ่งประกอบด้วยศิษยาภิบาลและครู เพราะทุกคนปฏิบัติหน้าที่การสั่งสอน การว่ากล่าวตักเตือน การแก้ไขข้อบกพร่องในหมู่ประชาชน ซึ่งเปาโลเรียกร้องให้บิชอปทำ [ทิตัส 1:9]; และเพื่อให้มีผู้สืบทอดหลังจากพวกเขา พวกบิชอปทำงานหนักเพื่อสอนคนหนุ่มที่ได้เข้าเป็นทหารศักดิ์สิทธิ์

 

พื้นที่บางแห่งถูกกำหนดให้กับแต่ละเมืองจากที่เพรสไบเตอร์ถูกดึงมา และคนก็คิดว่าเป็นของร่างกายของคริสตจักรนั้น แต่ละคณะเพรสไบเตอร์อยู่ภายใต้บิชอปหนึ่งคนเพื่อรักษาการจัดการและความสงบเรียบร้อยของมัน ในขณะที่บิชอปเหนือกว่าคนอื่น ๆ ในความศักดิ์ศรี เขายังคงอยู่ภายใต้การชุมนุมของ[คณะเพรสไบเตอร์ ซึ้งเป็น]พี่น้องของเขา แต่ถ้าพื้นที่ภายใต้การบริหารของเขาใหญ่เกินไปสำหรับเขาที่จะปฏิบัติหน้าที่ของบิชอปทุกที่ เพรสไบเตอร์[คนอื่น]จะถูกกำหนดให้ที่ต่าง ๆ ในพื้นที่ และปฏิบัติหน้าที่ของเขาในเรื่องเล็กน้อย คนเหล่านี้เรียกว่า “บิชอปชนบท” เพราะพวกเขาเป็นตัวแทนของบิชอปทั่วทั้งจังหวัด